รีวิวข้อมูลและฟังก์ชั่นการใช้งานJBL Tour Pro 2 และ Tour ONE M2

ถ้าหากพูดถึงหูฟังเมื่อก่อนการที่เรานั้นจะตัดสินใจซื้อหูฟังที่อำนวยความสะดวก สบายในการใช้งานเราคงจะต้องคิดถึง apple อย่างแน่นอน เพราะยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรกที่นำหูฟังไร้สายเข้ามาในประเทศไทย แต่ในปัจจุบันมีหูฟังไร้สายอย่าง Treu Wireless หรือแบบครอบหู ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ มากมายหลากหลายยี่ห้อที่รองรับทั้งระบบ IOS และ Android  ทำให้ตอนนี้หลาย ๆ  ค่ายผู้ผลิตหูฟัง จึงคิดพัฒนาหูฟังให้มีฟังก์ชั่นที่ครอบคลุมเพื่อให้ทันเทคโนโลยีในปัจจุบัน แต่ด้วยตัวเลือกในตลาดตอนนี้มีมากมายทำให้หลาย ๆ  คนคิดหนักเวลาที่จะเลือกหูฟังTrue Wirelessและครอบหู มาใช้งาน ทางทีมงานเลยจัดมาเอาใจวัยรุ่นที่ขื่นชอบในการฟังเพลง คุยโทรศัพท์โดยการใช้หูฟังไร้สายกันบ้าง สำหรับวันนี้แอดมินขอเสนอหูฟังยี่ห้อJBL หูฟังที่มีฟังก์ชั่นยอดเยี่ยมมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นยี่ห้อที่เหล่าวัยรุ่นชื่นชอบ ด้วยเสียงและดีไซน์ที่สวยหรู ดูเก๋อย่าบอกใคร และหูฟังสุดเก๋ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนในวันนี้ก็คือ JBL Tour Pro 2 และ Tour ONE M2 นั่นเอง ซึ่งในวันนี้เราก็จะมาพูดเกี่ยวกับฟังก์ชั่นของทั้งคู่ว่าแต่ละรุ่นนั้นดีอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนมาให้ทุกคนได้เก็บเอาไว้พิจารณาในการเลือกใช้งานกัน แต่ละตัวมีฟังก์ชั่นอย่างไรกันบ้างไปดูกันเลย

JBL Tour Pro 2 หูฟังเกรดพรีเมี่ยม เสียงเบสแน่น สำหรับ JBL Tour Pro 2 บอกเลยว่า Key Highlight ไม่ธรรมดา เพราะ JBL Tour Pro 2 ตัวนี้สามารถตัดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ  True Adaptive Noise Cancelling คุยเสียงดังฟังชัดเพราะเขามีไมค์มาในตัวมากถึง 6 ตัว แถมกันน้ำและเหงื่อไปในตัวด้วยมาตรฐาน IPX5 ด้านของเสียงแน่นอนว่าระดับ JBL แล้วไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะรุ่นนี้ปรับจูนเสียงมาแบบจัดเต็มด้วย JBL Signature Sound พร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดที่สามารถใช้งานยาวนานได้ถึง 10 ชั่วโมง สำหรับ JBL หูฟังรุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวTOP ขวัญใจวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ ที่รอบนี้มาพร้อมกับการอัพเกรดแบบรอบด้านและครอบคลุม ที่ยังคงรูปทรงกะทัดรัดแถมน้ำหนักเบา เพราะข้างหนึ่งมีน้ำหนักเพียง 4.8 กรัมเท่านั้น รวมถึงการควบคุมง่ายดายแบบสุด ๆ  เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเบา ๆ  ส่วนด้านการเชื่อมต่อในการใช้งาน JBL Tour Pro 2 ตัวนี้มาพร้อมกับ Bluetooth เวอร์ชัน 5.2 ที่ทำให้เชื่อมต่อในระยะทางได้ถึง 10 เมตร สามารถแยกเสียงซ้ายขวาได้ ทำให้เหล่าบรรดานักดูซีรีย์ทั้งหลายดูซีรีย์ได้แบบไม่มีสะดุด อีกด้วย ฟังก์ชั่นขนาดนี้สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียง 7,990 บาทเท่านั้นเอง

Tour ONE M2 หูฟังแบบครอบหูของยี่ห้อ JBL  ที่เด่นมากในเรื่องการตัดเสียงรบกวนได้อย่างดีเยี่ยม รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีรูปทรงกะทัดรัด แถมยังน้ำหนักเบาเพียง 268 กรัมเท่านั้น รุ่นนี้เป็นหูฟังที่มาในรูปแบบ over-ear ซึ่งพัฒนาโดยการผสมผสาน True Adaptive ANC แบบไฮบริด ที่ว่ากันว่าดีที่สุดของยี่ห้อ JBL มาเข้ากับDriver JBL Pro-tuned เพื่อให้ลูกค้าได้คุณภาพเสียงที่เยี่ยมยอดและดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยีในการพัฒนา True Adaptive ANC นี้จะช่วยกำจัดเสียงรบกวนรอบข้างได้แบบเรียลไทม์ และจุดที่น่าสนใจมาก ๆ  คือการจดจำเสียงของผู้ใช้งานด้านการสั่งการไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้หยุดเสียงชั่วคราว หรือจะเป็นการทำงานโดยการเปิดโหมด Ambient Aware สำหรับ Tour ONE M2 สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ยังคงครองใจเหล่าบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

โพสต์อื่นๆ:

1 AIS Points แลก บัตร Rabbit Card ได้ 1 ใบ 21 ต.ค. เพียงเท่านั้น
ของขวัญส่งท้ายปี! สมาร์ทโฟน 7 รุ่นสุดฮิต ลด 7% กับแคมเปญสุดเจ๋ง Huawei Together 2020
รีวิวมือถือและสเปคเครื่องXIAOMI 12S Ultra
HUAWEI มาเหนือ! เปิดเผยสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ Mate 30 Pro ด้วยกล้องหลัง 4 ตัว เตรียมเปิดตัว 19 ก.ย. ...
4 วิธีเลือกซื้อแบตสำรอง (Power Bank) ให้ปลอดภัย คุ้มค่ากับการใช้งาน
All-New Honda City 2020 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว กับครั้งแรกในโลก เครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ 122 แรงม...
Vivo พร้อมเปิดตัว หูฟังตัวใหม่ ไร้สาย รุ่นแรกของค่าย
iPhone ครองตลาด เปิด 10 อันดับ สมาร์ตโฟนขายดีสุด
Pornhub เผยยอดเข้าชมคลิปในประเทศไทยนานที่สุด โดยเฉพาะผู้ใช้งาน iOS
ข้อมูลแอพพลิเคชั่นจองคิวร้านดังQueQ

baaitz

Next Post

รีวิวข้อมูลและฟังก์ชันการใช้งาน Apple Watch Ultra

Fri Feb 10 , 2023
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์สักรุ่นมาครอบครองเป็นเจ้าของ อยากแนะนำ “Apple Watch Ultra” ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวท็อปของค่าย Apple แน่นอนว่ามาพร้อมกับการอัปเกรดที่เหนือขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบดีไซน์ , ตัวเรือนขนาดใหญ่ถึง 49 มม. , วัสดุเกรดไทเทเนียม หรือแม้กระทั่งการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีความอึดมากถึง 36 ชม. ก็ตาม ขณะที่สเปคอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็จัดหนักจัดเต็มกว่าที่เคย ดังนั้นต่อให้ราคาในการวางจำหน่ายจะสูงไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการใช้งานแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างตอบโจทย์กับผู้คนในยุคสมัยนี้ แถมสินค้าจากค่าย Apple ก็ยังถูกให้ความไว้วางใจจากคนทั่วโลกอีกด้วย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยอดการจำหน่ายจะพุ่งทะยาน Apple Watch Ultra มาพร้อมกับหน้าจอ LTPO OLED Retina ด้วยขนาด 49 มม. ขณะที่หน่วยประมวลผลจะใช้ Apple S8 Dual‑core 64 บิต และชิพระบบไร้สาย W3 […]