สำหรับเพื่อนๆ คนไหนกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์สักรุ่นมาครอบครองเป็นเจ้าของ อยากแนะนำ “Apple Watch Ultra” ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวท็อปของค่าย Apple แน่นอนว่ามาพร้อมกับการอัปเกรดที่เหนือขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบดีไซน์ , ตัวเรือนขนาดใหญ่ถึง 49 มม. , วัสดุเกรดไทเทเนียม หรือแม้กระทั่งการใช้งานแบตเตอรี่ที่มีความอึดมากถึง 36 ชม. ก็ตาม ขณะที่สเปคอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็จัดหนักจัดเต็มกว่าที่เคย ดังนั้นต่อให้ราคาในการวางจำหน่ายจะสูงไปบ้าง แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการใช้งานแล้ว ต้องขอบอกเลยว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างตอบโจทย์กับผู้คนในยุคสมัยนี้ แถมสินค้าจากค่าย Apple ก็ยังถูกให้ความไว้วางใจจากคนทั่วโลกอีกด้วย จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยอดการจำหน่ายจะพุ่งทะยาน
Apple Watch Ultra มาพร้อมกับหน้าจอ LTPO OLED Retina ด้วยขนาด 49 มม. ขณะที่หน่วยประมวลผลจะใช้ Apple S8 Dual‑core 64 บิต และชิพระบบไร้สาย W3 ส่วนความจุของตัวเครื่องนั้น มีมาให้มากถึง 32GB ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไปแล้ว ส่วนจุดเด่นสำคัญ อย่าง “ระบบเซนเซอร์” ก็เป็นอีกหนึ่งในจุดขายด้วยเช่นกัน เพราะถูกติดตั้งเซนเซอร์มาให้ครบครัน ยกตัวอย่างเช่น เซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด , เซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ และเซนเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอล รุ่นที่ 3 เป็นต้น โดยจุดเด่นหลักๆ ของ Apple Watch Ultra ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เนื่องจากมีมาตรฐานกันน้ำลึก 100 เมตร ซึ่งสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 40 เมตร จึงเหมาะกับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมว่ายน้ำเป็นพิเศษ ส่วนตัวจึงค่อนข้างมั่นใจเลยว่าน่าจะถูกใจใครหลายคนกันอย่างแน่นอน แต่หากคนไหนยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับฟังก์ชั่นการใช้งานของสมาร์ทวอทช์รุ่นดังกล่าวกันสักเท่าไหร่นัก ก็ลองมาทำความรู้จักฟังก์ชั่นต่างๆ ไปพร้อมกันเลยจากบทความนี้
ฟังก์ชันการใช้งานของ Apple Watch Ultra
- เชื่อมต่อด้วย Apple Ecosystem ได้อย่างง่ายดาย
หากใครมี Apple Ecosystem ครบครันอยู่แล้ว ต้องไม่มองข้าม Apple Watch Ultra เป็นอันขาด เนื่องจากสมาร์ทวอทช์รุ่นดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ของแบรนด์ Apple ได้ง่ายมากๆ เพียงนำอุปกรณ์เข้ามาอยู่เคียงข้างกัน ก็จะปรากฏหน้า Pop-Up ให้เรากดเชื่อมต่อในทันที
- สัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ผ่านระบบ WatchOS 9
สมาร์ทวอทช์อัจฉริยะ อย่าง Apple Watch Ultra มาพร้อมกับระบบ WatchOS 9 ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้วในตอนนี้ จากประสบการณ์การใช้งานของตัวเอง ขอบอกเลยว่ามีลูกเล่นเพิ่มขึ้นเยอะมาก แถมยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อีกเพียบ
- การใช้งานลื่นไหลตามสไตล์ Apple
การใช้งานที่ลื่นไหลนับว่าเป็นจุดขายของค่าย Apple มาแต่เดิมอยู่แล้ว แน่นอนว่า Apple Watch Ultra ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน เพียงแต่ครั้งนี้มีการเพิ่มปุ่ม Action เข้ามาด้วย บวกกับ UI ต่างๆ ก็ดูลงตัวยิ่งขึ้น จึงมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
- การออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
หากใครชอบทำกิจกรรมออกกำลังกายเป็นพิเศษ ต้องลองใช้งาน Apple Watch Ultra กันสักครั้ง เพราะมันสามารถช่วยตรวจจับข้อมูลเชิงลึกผ่านทางแอปพลิเคชันได้แม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่วนจอภาพที่กว้างมากขึ้น ก็ทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ชัดเจนด้วย
- มีระยะเวลาในการใช้งานเพิ่มขึ้น
สำหรับคนไหนมีความกังวลเกี่ยวกับความอึดของแบตเตอรี่ สามารถคลายความกังวลตรงส่วนนี้ทิ้งไปได้เลย เนื่องจาก Apple Watch Ultra มีระยะเวลาในการใช้งานสูงสุดถึง 36 ชม. เลยทีเดียว ซึ่งคงน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานของใครหลายๆ คน ยิ่งใครใช้งานทั่วๆ ไป ส่วนตัวมีความมั่นใจเลยว่าความอึดของแบตเตอรี่เพียงพออย่างแน่นอน
ราคาจำหน่าย : ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 31,900 บาท